พระอาจารย์บัว วัดตำหนัก โดยสุวัฒน์ เหมอังกูร
ในปัจจุบันคตินิยมของคนเล่นพระมักจะเน้นพุทธคุณไปที่เรื่องเมตตาค้าขาย และจะพูดติดปากกันว่า เหนียว มหาอุด เขาไม่สนใจกันแล้ว เขาสนใจแต่เรื่องรวย ๆ ที่ผ่านมาจึงตั้งชื่อพระมีแต่คำว่ารวย ๆ ๆ
แต่ในเรื่องการปลุกเสกนั้นพระแต่ละองค์มีจริตที่แตกต่างกัน ความชำนาญในเรื่อง อานุภาพจึงแตกต่างกันทั้งในเรื่อง เมตตา แคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน ความหลากหลายเหล่านี้ธรรมชาติเขาจัดมาให้อย่างครบถ้วน เพราะการดำเนินชีวิตของคนเรานั้นมีองค์ประกอบหลายด้าน ทั้งเรื่องอันตราย เรื่องการทำมาหากิน เรื่องสุขภาพ
มีหลายคนบอกกับผู้เขียนว่า โอ๊ย ! เรื่องเหนียว เรื่องมหาอุดน่ะเหรอ เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอก ใครที่ไหนมันจะเอาปืนมายิงกันง่าย ๆ แต่ความคิดนี้ผู้เขียนไม่เห็นด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ อย่าไปคิดเพียงแค่ว่าเราไม่มีศัตรูก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมายิงเรา มันไม่ไช่แค่นั้น มันมีเรื่องของลูกหลง และเรื่องที่เราไปเจอคนบ้า คนติดยา คนที่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ เรื่องแบบนี้มีข่าวให้เราได้รับรู้ไม่เว้นแต่ละวัน ขอยกกรณีตัวอย่างมาเป็นอุทธาหรณ์ ได้แก่
กรณีที่ 1 วัยรุ่นสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งไปยิงคู่อริ แต่พลาดไปโดนครูโรงเรียนแห่งหนึ่งเสียชีวิต โดยที่ครูท่านนั้นไม่รู้อิโหน่อีเหน่
กรณีที่ 2 เด็กวัยรุ่นอายุแค่ 14 เข้าไปไล่ยิงคนในห้างสยามพาราก้อน เสียชีวิตไปถึง 2 คน
กรณีที่ 3 เรื่องนี้เกิดมาเมื่อ 6-7 ปีที่แล้วในห้างดังแห่งหนึ่งแถวบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกลูกหลงจากการที่หนุ่มคนหนึ่งไปยิงแฟนสาว เด็กคนนั้นถูกยิงเข้าที่ลำคออาการสาหัส ไม่ทราบเป็นตายร้ายดีประการใด
อย่างกรณีที่ 2 ที่ 3 ใครจะไปคิดว่าเดินอยู่ในห้างใหญ่โตมีชื่อเสียง จะถูกลูกปืน นี่แหละครับที่ผู้เขียนเห็นว่ามีความจำเป็นที่เราต้องมีวัตถุมงคลในการป้องกันตัวเราเองไว้ทั้งด้านมหาอุด และคงกระพัน โดยขอแนะนำเหรียญของพระอาจารย์บัว วัดตำหนัก ที่มีราคาไม่แพง แต่เรื่องพุทธคุณนั้นเชื่อถือได้ เพราะมีประสบการณ์ที่ชัดเจน
วัตถุมงคลที่ผู้เขียนจะแนะนำคือ
เหรียญพระครูใบฎีกาบัว วัดตำหนัก เป็นเหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านที่สร้างในปี พ.ศ.2517






ประสบการณ์
เรื่องแรกเป็นประสบการณ์จากนายตำรวจที่จังหวัดนนทบุรีท่านหนึ่งดวลปืนกับคนร้าย ปรากฏว่าไม่เป็นอะไรเพราะคนร้ายยิงไม่ออก กลับเป็นคนร้ายที่ถูกยิงและถูกจับได้ นายตำรวจท่านนี้แขวนเหรียญพระอาจารย์บัว วัดตำหนักเพียงเหรียญเดียว เพราะศรัทธาเนื่องจากบ้านอยู่แถววัดตำหนักและเชื่อมั่นในข้อมูลที่ผู้หลักผู้ใหญ่เล่าให้ฟังถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์บัว
อีกเรื่องหนึ่งผมได้รู้จักกับคุณเทียน ไม้ตาล มือยิงวัตถุมงคลแห่งอำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี เป็นนักยิงวัตถุมงคลที่มีผู้มาใช้บริการมาก ขนาดเคยลองให้ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายที่ตกลงกันในราคา 30 ล้าน ถ้ายิงไม่ออกจ่ายทันที งานนี้มีนายแบงก์มาด้วย แต่ก็ไม่ได้จ่าย เพราะยิงกระจุย ผมถามเขาไปว่าเคยลองยิงมากี่ครั้งแล้ว คุณเทียนบอกว่าเป็นร้อยครั้ง ผมจึงถามต่อว่า แล้วที่ยิงไม่ออกมีบ้างไหม มีกี่ครั้ง เขาตอบว่า มีอยู่ 2 หลวงพ่อนอกนั้นยิงกระจุยหมด ที่ยิงไม่ออกคือ เหรียญหลวงปู่เทียนวัดโบสถ์รุ่นปี 2506 อีกเหรียญหนึ่งคือ เหรียญของพระอาจารย์บัววัดตำหนัก ยิงไม่ออกทั้งเนื้อทองแดงและเนื้ออัลปาก้า คุณเทียนยังเล่าต่อว่า คนที่นำเหรียญมาให้ยิงได้ซื้อปืนมาใหม่ ๆ เป็นปืนลูกโม่ .38 และเหรียญที่นำมาเป็นเนื้อทองแดงกับอัลปาก้าอย่างละเหรียญ มีข้อตกลงว่าถ้ายิงไม่ออกต้องแบ่งให้คุณเทียน 1 เหรียญ แต่ปรากฏว่าพอยิงไม่ออกเจ้าของเก็บเหรียญไปหมดไม่ยอมให้ตามสัญญา คุณเทียนจึงพยายามเสาะหาเหรียญนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งจึงไปพบกับคุณจีรัชพัฒน์ หม่อมงาม หรือคุณเปีย ปู่เทียน ซึ่งมีเหรียญนี้อยู่จึงทำการแลกกัน ทางคุณเปีย ได้เล่าเรื่องอภินิหารให้ผู้เขียนฟัง จึงเดินทางไปหาคุณเทียนซึ่งบ้านก็อยู่ไม่ไกลจากวัดตำหนัก

เรื่องการทดสอบวัตถุมงคลด้วยการยิงนั้น ในสมัยก่อนผมก็ไม่ได้ให้น้ำหนักเรื่องนี้เพราะดูเหมือนเป็นการไปลบหลู่ แต่เมื่อมาพิจารณาเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์แล้วต้องยอมรับว่าคนทดลองเขาต้องการหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นจริงได้ ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงต้องลองได้ เมื่อยิงไม่ออก หรือยิงไม่เข้า ก็เหมือนมีใบรับประกันที่เห็นได้ชัด ๆ ทั้งประจักษ์พยานและวัตถุพยาน
อีกเรื่องที่ผมอยากให้ทุกท่านพิจารณาคือ อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ทำจากโลหะ โดยเฉพาะเหรียญที่สร้างขึ้นจากพระเกจิอาจารย์จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะมีพุทธคุณในเรื่อง คงกระพัน มหาอุดและแคล้วคลาด สำหรับเหรียญของพระอาจารย์บัวถ้านับจากอายุการสร้างและพุทธคุณแล้วถือว่าราคาถูกมากในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นถ้าต้องการพระที่มีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพัน มหาอุด จะต้องจ่ายแพงกว่าทำไม
เกี่ยวกับพระอาจารย์บัว ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระครูใบฎีกาบัว (บัว ยโสธโร) ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อเขียน วัดบ้านพร้าว ท่านมีชื่อเสียงในการศักดิ์ยันต์ที่มีอานุภาพในเรื่องคงกระพันชาตรี ยันต์ที่ท่านสักคือยันต์เก้ายอด ต่อมาบรรดาลูกศิษย์ที่ท่านสักส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นนักเลงหัวไม้เกกมะเรกเกเรบ้าง ไปเป็นโจรบ้าง ทางฝ่ายปกครองและตำรวจพากันไปบอกกล่าวกับท่าน ท่านจึงเลิกสักแบบเดิม แต่ไปสักเป็นยันต์เก้ายอดด้วน
หลายคนที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ใกล้ชิดต่างเข้าใจกันว่าท่านเก่งทางด้านมหาอุ และคงกระพันเท่านั้น แต่ลูกศิษย์ใกล้ชิดจะทราบว่าในเรื่องเมตตามหาเสน่ห์ท่านก็ยอดเยี่ยม เพราะท่านสำเร็จวิชาสาริกาเกาะปากโรง ลูกศิษย์คนไหนที่อาภัพหาเมียไม่ได้ไปขอให้ท่านช่วย ท่านก็จะทำพิธีให้โดยท่านจะบอกว่า ขึ้นอยู่กับความกล้าแข็งของจิตและโชคชะตา วิธีการก็คือตอนกลางคืนตามฤกษ์ยามที่ท่านกำหนด ท่านจะพาเข้าป่าช้าแล้วให้นอนในโลงศพที่มีศพอยู่โดยปูผ้าทับไว้ จากนั้นให้คาบเหรียญ (เหรียญที่เป็นเงินสำหรับใช้) เมื่อท่านทำพิธีเสร็จก็จะกลับ ท่านบอกว่าถ้าจะสำเร็จ จะมีนกสาริกามาคาบเอาเหรียญนั้นไป
บั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านได้นั่งรถตู้ไปกับโยมและพระอีกหลายองค์ ไปประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ผู้ที่อยู่ในรถเสียชีวิตและมรณภาพหมด ส่วนตัวท่านไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว บ่งบอกถึงอิทธิฤทธิ์ทางด้านคงกระพันได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยแรงกระแทกทำให้ท่านอวัยวะภายในบอบช้ำ ทำให้ท่านมาณะภาพในเวลาต่อมา