บทความที่ลงในนิตยสารพระเครื่องกรุงสยามฉบับที่ 27 ( ตอนที่ 5 )
ก่อนที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงวัตถุมงคลของพ่อหลวง ในชุดที่ผู้เขียนสร้างต่อไป ขอเรียนต่อท่านผู้อ่านถึงเหตุผลที่ผู้เขียนสร้างวัตถุมงคลของพ่อหลวงเพื่อความเข้าใจสักเล็กน้อย เพราะหลายท่านอาจจะคิดว่า ผู้เขียนนำเรื่องราวของพ่อหลวงมาเขียนเผยแพร่เพื่อเชียร์และสร้างวัตถุมงคลขาย
ขอเรียนต่อท่านผู้อ่านว่า ผู้เขียนมิได้มีเจตนาเช่นนั้น แม้กระทั่วพ่อหลวงเอง ท่านก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจวัตถุมงคล มาสวดมนต์และร่วมทำบุญสร้างกุศลกับท่านดีกว่า ซึ่งผู้เขียนก็เข้าใจท่าน แต่ด้วยความเป็นปุถุชนที่ยังมีความอยากได้ มีความชอบในวัตถุมงคล จึงพยายามอธิบายและขออนุญาตท่านในใจโดยไม่ต้องพูดกับท่าน
สำหรับเจตนาที่แท้จริงของผู้เขียนที่สร้างวัตถุมงคลของพ่อหลวงนั้น เพราะผู้เขียนอยากมีวัตถุมงคลของท่านหลาย ๆ แบบเก็บไว้บูชา เพราะฉนั้น แต่ละรุ่นจึงสร้างน้อยและไม่ค่อยได้ลงโฆษณาจำหน่าย จะมีก็เพียงพระบูชา 2 รุ่นเท่านั้นที่ลงประกาศเชิญชวนให้ลูกศิษย์ทราบ
พระทุกรุ่น ถึงแม้ว่าจำหน่ายไม่หมด แต่ผู้เขียนก็เฉยๆ ยินดีแบกรับต้นทุน ส่วนหนึ่งก็ถวายให้ท่านแจกกับคนที่มาทำบุญที่วัด ส่วนที่ผู้เขียนเก็บไว้ก็คือต้นทุนที่ออกไป พูดง่าย ๆ คือเช่าไว้เอง ซึ่งผู้เขียนก็ไม่กังวลอะไร เพราะผู้เขียนรักวัตถุมงคลของท่านทุกชิ้น ไม่ว่าวัตถุมงคลนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม แม้เพียงก้อนหิน ก้อนดิน ถ้าท่านปลุกเสก ผู้เขียนก็จะเก็บไว้อย่างดีด้วยความมั่นใจ
ด้วยความเข้มขลังของท่านนั้น ถือว่าไม่ธรรมดา และน่าจะหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ผู้เขียนจึงอยากให้มีพระเครื่องของท่านที่เป็นรุ่นมาตรฐานหลายรูปแบบ เพื่อให้ลูกศิษย์มีวัตถุมงคลของท่านใช้กันอย่างทั่วถึง และมีวัตถุมงคลที่เข้มขลังประดับไว้ในวงการ ในอนาคต พระระดับท่านคงจะหายากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่สร้างเก็บไว้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนเอง คิดว่าในอนาคต คงไม่มีโอกาสพบพระดีเช่นท่าน หรือแม้จะมีก็คงจะไม่มีโอกาสเช่นนี้
นอกจากเหตุผลที่เรียนมาข้างต้น ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จะยืนยันจิตเจตนาของผู้เขียนคือ พ่อหลวงไม่ใช่พระที่โด่งดังมาก ถ้าจะสร้างวัตถุมงคลเพื่อจำหน่าย เอากำไรมาก ๆ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ผู้เขียนคงไม่เสี่ยงหรอกเพราะผู้เขียนไม่ได้ร่ำรวยอะไรที่จะมีเงินมาลงทุนมาก ๆ ได้ ทีทำเพราะอยากได้วัตถุมงคลของท่านดังกล่าวมาแล้ว
ล๊อกเก็ด
สร้างขึ้นเป็น 2 สี คือ แบบสี และ แบบสีชีเปีย แบบสีปิดหลังด้วยแผ่นทอง แบบสีชีเปีย ปิดหลังด้วยแผ่นเงิน ด้านหน้าเป็นรูปแบบเดียวกัน ภายในด้านหลังบรรจุเกศาพ่อหลวง และผงว่านที่เหลือจากการสร้างหลวงปู่ทวดวัดแจ้ง เมื่อปี 2505
จำนวนการสร้าง
1. แบบสี ( หลังทองคำ ) 25 อัน
2. แบบสีชีเปีย 100 อัน
เมื่อจำหน่ายหมด หักทุนแล้ว เหลือเงินประมาณ 4 หมื่นบาท นำไปสมทบทุนสร้างเหรียญสี่เหลี่ยม ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป
เหรียญพิมพ์สี่เหลี่ยม
เหรียญรุ่นนี้ สร้างขึ้นมาเนื่องจาก ผู้เขียนได้พยายามหาเช่าเหรียญรุ่นแรกของท่าน มาหลายเหรียญ และได้นำไปให้ท่านปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง ท่านถามว่าไปเอามาจากไหน ผู้เขียนบอกว่าไปเช่ามา พ่อหลวงจึงบอกว่า อยากได้ทำไมไม่สร้างเอง ผู้เขียนได้ยินดังนั้น จึวงตกลงใจทันทีว่าจะทำเหรียญของท่านสักรุ่นหนึ่ง เพราะการที่ท่านพูดังนั้นเป็นการอนุญาตแล้ว ผู้เขียนจึงเริ่มดำเนินการ โดยเริ่มต้นที่การออกแบบว่าจะใช้รูปแบบใด ต่อเมื่อคิดถึงเหรียญที่พ่อหลวงท่านสร้างให้อาจารย์ของท่าน คือ เหรียญท่านมหาลอย วัดแหลมจาก ปากรอ ซึ่งปัจจุบัน เป็นเหรียญเกจิอาจารย์ที่มีราคาสูงที่สุดของจังหวัดสงขลา ผู้เขียนจึงได้ตัดสินใจใช้รูปแบบเป็นรูป 4 เหลี่ยม โดยมีรูปแบบเป็นพ่อหลวงนั่งเก้าอี้ เหมือนเหรียญท่านมหาลอย รายละเอียดของเหรียญมีดังนี้ครับ
ด้านหน้า
เป็นรูปพ่อหลวงนั่งเต็มองค์บนเก้าอี้ มือขวาถือไม้เท้า ด้านล่างองค์ท่านเขียนว่า หลวงพ่อภัทร ภัทริโย
ด้านหลัง
มียันต์แบบเหรียญรุ่นแรก คือ พุท ปิดล้อมและล้อมรอบด้วยอักขระขอม นะ มะ พะ ทะ อะ บริเวณยอดยันต์มีอักขระขอม นะ โม พุท ธา ยะ
ด้านล่างยันต์มีอักษรภาษาจีนว่า
ไฉ เหยิน กว่าง จิ้น
แปลว่า เงินทองจากทุกทิศ ไหลมาเทมา
ใต้ภาษาจีน เป็นหนังสือไทยว่า
วัดโคกสูง อ.หาดใหญ่
พ.ศ.2539
อายุ 86
จำนวนการสร้าง
- เนื้อทองคำ 39 เหรียญ
- เนื้อเงิน 299 เหรียญ
- เนื้อนวโลหะ 598 เหรียญ
- เนื้อทองเหลือง 15,000 เหรียญ
อนึ่ง เนื้อนวโลหะนั้น มี 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ไม้เท้ามีขีด และ พิมพ์ไม้เท้าไม่มีขีด พิมพ์ละ 299 เหรียญ สาเหตุที่มีพิมพ์เกิดขึ้นดังนี้ครับ
ครั้งแรก ที่ช่างแกะพิมพ์แล้วปั๊มเหรียญตัวอย่างมา ให้ผู้เขียนดูนั้น พื้นเหรียญมีความเงามาก ผู้เขียนจึงสั่งไม่ให้เป็นเหรียญขัดเงา ให้เป็นแบบเหรียญปั๊มธรรมดา แต่โดยการที่แกะพิมพ์ดีมาก เมื่อปั๊มออกมาแล้ว พื้นเหรียญจะมีความเงา ลูกน้องช่างชัยจึงนำเอาไปทำอย่างไรไม่ทราบ เพื่อทำให้พื้นเหรียญด้าน แต่ปรากฎว่าเมื่อทำออกมาแล้ว พื้นเหรียญเป็นรอยขุดลึกลงไปเต็มพื้นเหรียญไปหมด ซึ่งเป็นทุกเหรียญ ยกเว้นเหรียญนวโลหะ ที่ปั๊มแล้วเหรียญไม่เป็นเงา เขาจึงไม่นำเอาไปทำให้ด้าน เหรียญจึงไม่เสีย เมื่อเขานำเหรียญมาส่งกับผู้เขียนนั้น ปรากฎว่าเหรียญไม่สวยงามดังกล่าวมาแล้ว และจำนวนของเหรียญทองเหลืองยังได้แค่ 9,000 เหรียญ จากที่สั่งทำ 15,000 เหรียญ เมื่อผลออกมาเป็นเช่นนั้น ผู้เขียนจึงลังเลว่า จะนำไปปลุกเสกดีหรือไม่ ใช้เวลาคิดอยู่ 2 คืน นอนไม่หลับเลยทั้ง 2 คืน จึงโทร.ไปหาช่างชัย บอกว่าไม่สบายใจเลยเพราะเหรียญไม่สวยเลย ช่างชัยจึงบอกว่า อย่าเอาไปเลย เหรียญไม่สวยอย่างนี้ ตัวเขาเองก็จะเสียชื่อ เขาจะแกะพิมพ์ให้ใหม่ และปั๊มให้ครบโดยไม่คิดเงินเพิ่มจากที่ตกลงกันไว้ ซึ่งนับว่าช่างชัยเป็นช่างที่มีสปิริต และรักษาชื่อเสียงของตัวเองดีพอสมควรทีเดียว
ในการแกะพิมพ์ครั้งใหม่นี้ ช่างชัยได้ถือโอกาสแกะไม้เท้าให้ละเอียดขึ้น โดยการใส่ขีดให้เป็นปล้อง ๆ เพราะครั้งแรกลืมแกะ สำหรับเหรียญที่เสียนั้น ช่างได้นำไปยุบทั้งหมด ยกเว้นเหรียญนวโลหะ ซึ่งครั้งแรกผู้เขียนตั้งใจจะให้นำไปยุบด้วย แต่ช่างบอกว่าเอาเก็บไว้เถอะ เหรียญใช้ได้ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เสียหายอะไร จึงเก็บไว้ แล้วนำมาตอกเลข ตั้งแต่ 1 – 299 ไว้ ต่อมาเมื่อเหรียญที่ปั๊มใหม่เรียบร้อยแล้ว พิมพ์ใหม่ไม้เท้ามีขีดก็ตอกเลข 1 – 299 เหมือนกัน แต่ผู้เขียนเกรงว่าจะดูคล้ายกัน จึงตอกโค้ดเล็ก แบบที่ตอกในห่วงของเหรียญเนื้อทองคำ ไว้ด้านหน้าตัวเลขของพิมพ์ไม้เท้าไม่มีขีดอีกตัวหนึ่ง
ความอยากได้วัตถุมงคลของท่านนั้น เกิดจากความเคารพศรัทธา เชื่อมั่นอย่างสูงสุด จนถึงขนาดที่ผู้เขียนคิดจะสร้างรูปเหมือน ขนาดเท่าองค์จริงของท่านไว้บูชาที่บ้านเพียงองค์เดียว หลายคนบอกว่าใหญ่ไป ขนาด 16-19 นิ้วก็ใหญ่มากแล้ว ซึ่งหลายคนก็ยังบอกอีกว่า ทำองค์เดียวไม่ได้ เขาจะจองกันคนละองค์ การที่ท่านเหล่านั้นจองกันคนละองค์ โดยที่บางคนไม่เคยไปกราบพ่อหลวงนั้น ส่วนหนึ่งเขาคงเชื่อในตัวผู้เขียน เพราะเห็นผู้เขียนเชื่อมั่นในองค์พ่อหลวงมาก ไม่เพียงแต่คนรอบ ๆตัวผู้เขียนเท่านั้น ผู้อ่านหลายท่านก็ยังให้ความเชื่อถือผู้เขียน โทร.มาถามเกี่ยวกับพ่อหลวงบ่อย ๆ ว่า สร้างวัตถุมงคลอะไรบ้าง จะขอเช่าไว้บูชา ซึ่งผู้เขียนต้องขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ ที่ทุกท่านได้กรุณาให้เกียรติผู้เขียน และขอยืนยันในที่นี้เลยว่า ทุกท่านจะไม่ผิดหวังกับวัตถุมงคลของพ่อหลวงอย่างเด็ดขาด
การตอกโค้ด
เหรียญเนื้อทองคำ ตอกโค้ดตัว ภ 2 ตัว คือ ด้านหลังตอกโค้ดไว้ด้านซ้ายมือเรา และตอกหมายเลขไว้ด้านขวา บริเวณด้านข้างตัวหนังสือจีน อีกโค้ดหนึ่งเป็นตัว ภ เช่นเดียวกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า ตอกไว้ด้านหลังเหรียญ บริเวณในรูที่จะเจาะห่วง โดยเหรียญทองคำไม่ได้เจาะ จึงตอกโค้ดไว้
เหรียญเงิน ตอกโค้ดตัว ก เช่นเดียวกันทองคำ โดยตอกไว้ระหว่างตัวหนังสือจีน 2 แถว และตอกหมายเลขไว้ซ้ายมือเรา
เหรียญนวโลหะ : พิมพ์ไม้เท้ามีขีด ตอกโค้ดไว้ระหว่างหนังสือจีน และตอกหมายเลขไว้ด้านขวามือเรา
: พิมพ์ไม้เท้าไม่มีขีด ตอกโค้ดไว้ระหว่างหนังสือจีน 2 แถวตอกหมายเลขไว้ด้านขวามือเรา และตอกโค้ดตัว ก เล็กไว้หน้าหมายเลขเหรียญทองเหลือง ตอกโค้ดไว้ระหว่างตัวหนังสือจีน 2 แถว
เหรียญสี่เหลี่ยม ที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่ พ่อหลวงได้นำออกแจกให้คนที่มาทำบุญที่วัด และมอบให้วัดบางวัดไปหาปัจจัย เมื่องานทอดกฐินวันที่ 19 ตุลาคม 2540 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ไปร่วมงานด้วย ท่านก็นำออกมาแจกให้พุทธศาสนิกชน ชาวมาเลย์เซีย ซึ่งมาร่วมงานถึง 6 คันรถบัสใหญ่ ชาวต่างประเทศเหล่านี้ จะมาทอดกฐินกับท่านทุถปี และนับวันยิ่งเพิมเปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เฉพาะชาวต่างประเทศเท่านั้น แต่รวมไปถึงพุทธศาสนิกชน ชาวไทยโดยทั่ง ๆ ไปด้วย
จากการนำเรื่องราวของพ่อหลวงมาเผยแพร่ ในนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ประมาณเกือบ ๆ 1 ปี ทำให้หลายคนในท้องถิ่นตื่นตัว และผู้ติดตามเรื่องราวในภาคอื่น ๆ เสาะหาวัตถุมงคลของท่านมากขึ้น ทำให้ราคาวัตถุมงคลของท่านขยับสูงขึ้น โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก ในขณะที่ผู้เขียนเสนอเรื่องท่านใหม่ ๆ นั้น มีราคาอยู่ที่เหรียญละ 300 – 400 บาท แต่ปัจจุบันขึ้นไปถึง 1,500 – 2,000 บาท ดังนั้นจึงมีผู้ไปรบกวนท่านขอสร้างวัตถุมงคลกันยกใหญ่ ก็เป็นธรรมดาแหละครับ ย่อมมีทั้งเจตนาดี และ พวกแอบอ้าง พ่อหลวงจึงได้ปฎิเสธไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ท่านยังบอกกับผู้เขียนว่า ไอ้พวกนี้ มันเดินสายขอสร้างพระไปทั่ว พ่อหลวงไม่สนใจหรอก